วิเคราะห์ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก ระหว่าง เชลซี พบ ลิเวอร์พูล

สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มที่เริ่มเข้าที่เข้าทาง เก็บชัยชนะต่อเนื่องในช่วงหลัง แม้จะสะดุดไปบ้างในเกมยุโรป แต่ในลีกถือว่าทำได้ดีขึ้น ต้องการสามแต้มเพื่อรักษาโมเมนตัมและไล่ล่าพื้นที่ฟุตบอลยุโรปอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ หงส์แดง ลิเวอร์พูล จ่าฝูงของตารางคะแนน กำลังขับเคี่ยวลุ้นแชมป์อย่างเข้มข้น ทุกคะแนนมีความหมาย การบุกมาเยือนสแตมฟอร์ด บริดจ์ ครั้งนี้ พวกเขาต้องการชัยชนะสถานเดียวเพื่อรักษาตำแหน่งหัวหาด และกดดันคู่แข่งต่อไป เกมนี้จึงเป็นการวัดคมของสองทีมใหญ่ที่ต่างมีเป้าหมายสำคัญ

การพบกันหนล่าสุดในเกมลีกเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2024 เป็น ลิเวอร์พูล ที่เปิดบ้านเอาชนะ เชลซี ไปได้ 2-1 ส่วนเกมลีกที่เจอกันที่แอนฟิลด์ก่อนหน้านั้น (มกราคม 2024) ลิเวอร์พูลก็ถล่มไป 4-1 และในนัดชิงชนะเลิศอีเอฟแอลคัพ (กุมภาพันธ์ 2024) ก็เสมอกันในเวลา 0-0 (ลิเวอร์พูลชนะจุดโทษ) สถิติการเจอกันช่วงหลังหนักไปทางเสมอเป็นส่วนใหญ่ โดย 10 ครั้งหลังสุดในทุกรายการ เสมอกันถึง 8 ครั้ง (นับเฉพาะผลใน 90 หรือ 120 นาที) อย่างไรก็ตาม หากมองเฉพาะผลแพ้ชนะ เชลซีไม่สามารถเอาชนะลิเวอร์พูลได้เลยใน 10 เกมหลังสุดในทุกรายการ (เสมอ 8 แพ้ 2) และในเกมลีก เชลซีก็ไม่ชนะลิเวอร์พูลมา 7 เกมติดต่อกันแล้ว (เสมอ 4 แพ้ 3) แต่ที่น่าสนใจคือ 3 จาก 4 เกมหลังสุดที่พบกัน มีการยิงประตูกันทั้งสองฝ่าย

• 

  2 - 1

  
  ลิเวอร์พูล

  เชลซี
  พรีเมียร์ลีก 2024-10-20
• 

  0 - 0

  
  เชลซี

  ลิเวอร์พูล
  อีเอฟแอลคัพ 2024-02-25
• 

  4 - 1

  
  ลิเวอร์พูล

  เชลซี
  พรีเมียร์ลีก 2024-02-01
• 

  1 - 1

  
  เชลซี

  ลิเวอร์พูล
  พรีเมียร์ลีก 2023-08-13
• 

  0 - 0

  
  เชลซี

  ลิเวอร์พูล
  พรีเมียร์ลีก 2023-04-05
• 

  0 - 0

  
  ลิเวอร์พูล

  เชลซี
  พรีเมียร์ลีก 2023-01-21
• 

  0 - 0

  
  ลิเวอร์พูล

  เชลซี
  เอฟเอคัพ 2022-05-14
• 

  0 - 0

  
  เชลซี

  ลิเวอร์พูล
  อีเอฟแอลคัพ 2022-02-27
• 

  2 - 2

  
  เชลซี

  ลิเวอร์พูล
  พรีเมียร์ลีก 2022-01-02
• 

  1 - 1

  
  ลิเวอร์พูล

  เชลซี
  พรีเมียร์ลีก 2021-08-28
• 

  0 - 1

  
  ลิเวอร์พูล

  เชลซี
  พรีเมียร์ลีก 2021-03-05
• 

  0 - 2

  
  เชลซี

  ลิเวอร์พูล
  พรีเมียร์ลีก 2020-09-20
• 

  5 - 3

  
  ลิเวอร์พูล

  เชลซี
  พรีเมียร์ลีก 2020-07-23
• 

  2 - 0

  
  เชลซี

  ลิเวอร์พูล
  เอฟเอคัพ 2020-03-04
• 

  1 - 2

  
  เชลซี

  ลิเวอร์พูล
  พรีเมียร์ลีก 2019-09-22
• 

  1 - 1

  
  ลิเวอร์พูล

  เชลซี
  ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2019-08-15
• 

  2 - 0

  
  ลิเวอร์พูล

  เชลซี
  พรีเมียร์ลีก 2019-04-14
• 

  1 - 1

  
  เชลซี

  ลิเวอร์พูล
  พรีเมียร์ลีก 2018-09-29
• 

  1 - 2

  
  ลิเวอร์พูล

  เชลซี
  อีเอฟแอลคัพ 2018-09-26
• 

  1 - 0

  
  เชลซี

  ลิเวอร์พูล
  พรีเมียร์ลีก 2018-05-06

กุนซือ วินเซนโซ ม่าเรซก้า มีลิสต์ผู้เล่นบาดเจ็บอยู่พอสมควร ได้แก่ ดาบิด ดาโตร โฟฟาน่า, อารอน อันเซลมิโน่, มาร์ค กุยอู, โอมารี เคลลีแมน, เวสลี่ย์ โฟฟาน่า และ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้เล่นแนวรุกและดาวรุ่ง ฟอร์มล่าสุด เชลซี อันดับ 5 เกมล่าสุด บุกไปชนะ เยอร์การ์เด้น 4-1 ในศึกยูโรปาคอนเฟอเรนซ์ลีก ฟอร์มล่าสุด ชนะ 4 เกม เสมอ 1 เกม แพ้ 1 เกม ถือว่ากำลังเข้าฝัก ชนะมา 3 เกมติดต่อกันในทุกรายการ และยิงประตูได้ต่อเนื่อง 6 เกมติด สถิติที่น่าสนใจคือเกมในบ้านที่แข็งแกร่ง ชนะ 7 จาก 10 เกมหลังสุดในสแตมฟอร์ด บริดจ์ (รวมทุกรายการ) และชนะ 6 จาก 8 เกมหลังสุดในลีกที่เล่นในบ้าน ผลงานโดยรวมเริ่มดูดีขึ้น เกมรุกกลับมายิงได้สม่ำเสมอ แต่เกมรับก็ยังมีช่องให้เสียประตูอยู่บ้าง (เสียประตู 4 จาก 6 เกมหลังสุด) คาดว่า ม่าเรซก้า จะยึดระบบการเล่น 4-2-3-1 ที่กำลังลงตัว โดยมี ฟิลิป ยอร์เกนเซ่น ยืนเฝ้าเสา แผงหลังอาจใช้ เทรโวห์ ชาโลบาห์ คู่กับ ลีวาย โคลวิลล์ ขนาบข้างด้วย มาร์ค กูกูเรย่า และ รีซ เจมส์ หากฟิตทัน (หรือ มาโล กุสโต้) แดนกลาง มอยเซส ไกเซโด คุมเกมร่วมกับ เอ็นโซ เฟอร์นานเดซ แนวรุกสามคนใช้ โนนี มาดูเอเก้, โคล พาล์มเมอร์ เป็นเพลย์เมกเกอร์ และ เปโดร เนโต้ (หรือ จาดอน ซานโช หากฟิต) สนับสนุนหน้าเป้าอย่าง นิโคลัส แจ็คสัน รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม (4-2-3-1): ฟิลิป ยอร์เกนเซ่น - รีซ เจมส์ (มาโล กุสโต้), เทรโวห์ ชาโลบาห์, ลีวาย โคลวิลล์, มาร์ค กูกูเรย่า - มอยเซส ไกเซโด, เอ็นโซ เฟอร์นานเดซ - โนนี มาดูเอเก้, โคล พาล์มเมอร์, เปโดร เนโต้ (จาดอน ซานโช) - นิโคลัส แจ็คสัน

กุนซือ อาร์เน่อ สล็อต จะไม่มี โจเซฟ โกเมซ, คอเนอร์ แบรดลีย์ และ ไทเลอร์ มอร์ตัน ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวน การขาดหายไปของ โกเมซ และ แบรดลีย์ อาจส่งผลต่อตัวเลือกในแนวรับ ฟอร์มล่าสุด ลิเวอร์พูล อันดับ 1 เกมล่าสุด เปิดบ้านถล่ม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 5-1 ฟอร์มล่าสุด ชนะ 4 เกม เสมอ 0 เกม แพ้ 2 เกม แม้จะมีสะดุดแพ้ไปบ้าง แต่ในลีกยังร้อนแรง ชนะ 5 จาก 6 เกมหลังสุด และชนะมา 3 เกมรวด ยิงประตูในลีกได้ต่อเนื่องถึง 13 เกมติดต่อกัน สถิติเกมรุกน่ากลัว ยิงประตูได้ 9 จาก 10 เกมหลังสุด (รวมทุกรายการ) อย่างไรก็ตาม มีจุดน่าสังเกตคือสถิติ เกมเยือน ไม่ชนะใคร 5 จาก 8 เกมหลังสุด ซึ่งสวนทางกับอันดับเกมเยือนที่เป็นเบอร์ 1 ของลีก แสดงให้เห็นว่าฟอร์มนอกบ้านระยะหลังอาจมีแกว่งไปบ้าง คาดว่า สล็อต จะมาในระบบ 4-2-3-1 เช่นกัน ผู้รักษาประตูเป็น อลิสสัน เบ็คเกอร์ แนวรับมี เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ยืนคู่ อิบราฮิมา โคนาเต้ แบ็คขวา เทรนต์ อาร์โนลด์ แบ็คซ้าย แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน (หรือ คอนสแตนตินอส ซิมิกาส) แดนกลาง อาเลกซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ประสานงานกับ ไรอัน คราเฟนแบร์ค (หรือ วาตารุ เอ็นโด) สามแนวรุกอันตราย โมฮัมเหม็ด ซาลาห์, โดมินิก โซบอสซ์ไล (หรือ เคอร์ติส โจนส์/ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์) และ หลุยส์ ดิแอซ โดยมี ดาร์วิน นูนเญซ หรือ ดิโอโก้ โชต้า ยืนเป็นหน้าเป้า รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม (4-2-3-1): อลิสสัน เบ็คเกอร์ - เทรนต์ อาร์โนลด์, อิบราฮิมา โคนาเต้, เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน - อาเลกซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, ไรอัน คราเฟนแบร์ค (วาตารุ เอ็นโด) - โมฮัมเหม็ด ซาลาห์, โดมินิก โซบอสซ์ไล (เคอร์ติส โจนส์), หลุยส์ ดิแอซ - ดาร์วิน นูนเญซ (ดิโอโก้ โชต้า)

เชลซี กำลังมั่นใจ โดยเฉพาะเกมในบ้าน พวกเขาต้องการพิสูจน์ตัวเองกับทีมระดับท็อปและเก็บแต้มเพื่อเป้าหมายยุโรป คาดว่าจะเล่นด้วยความรัดกุม ไม่ผลีผลามเปิดเกมรุกแลกหมัด แต่จะอาศัยความสามารถเฉพาะตัวของ โคล พาล์มเมอร์ และความเร็วของปีกสองข้างในการสร้างสรรค์โอกาส และรอจังหวะสวนกลับ การมี ไกเซโด และ เอ็นโซ ในแดนกลางจะช่วยสู้กับแผงมิดฟิลด์ของลิเวอร์พูลได้ ลิเวอร์พูล มาเยือนด้วยเป้าหมายเดียวคือสามแต้มเพื่อรักษาจ่าฝูง คาดว่าจะเปิดเกมรุกตามสไตล์ กดดันสูงตั้งแต่แดนบน ใช้พลังงานและความเร็วของแนวรุกทั้ง ซาลาห์, ดิแอซ และ นูนเญซ/โชต้า เข้าโจมตี แม้สถิติเยือนช่วงหลังจะไม่เปรี้ยงปร้าง แต่คุณภาพโดยรวมยังเหนือกว่า และการได้ แม็ค อัลลิสเตอร์ คุมจังหวะแดนกลางถือเป็นหัวใจสำคัญ เกมนี้จะเป็นการสู้กันที่แดนกลางเป็นหลัก เชลซีจะพยายามปิดพื้นที่และรอโอกาส ส่วนลิเวอร์พูลจะพยายามครองเกมและเจาะเข้าทำ อย่างไรก็ตาม สถิติการเจอกันที่มักลงเอยด้วยผลเสมอเป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ บวกกับฟอร์มในบ้านของเชลซีที่แข็งแกร่ง และฟอร์มเยือนของลิเวอร์พูลที่แผ่วลงเล็กน้อย ทำให้เกมนี้มีโอกาสแบ่งแต้มกันสูง แต่หากจะมีผู้ชนะ ยังมองว่าลิเวอร์พูลที่มีความสม่ำเสมอและเกมรุกที่หลากหลายกว่าเล็กน้อย มีโอกาสเบียดเข้าวินได้มากกว่า
สกอร์ที่คาด: เชลซี 1 - 2 ลิเวอร์พูล
ฟันธง: วัดใจไปกับ ลิเวอร์พูล แม้เยือน แต่คุณภาพโดยรวมและแรงจูงใจลุ้นแชมป์ยังดูดีกว่า